top of page
Search

ขับรถเที่ยวเกาะเจจูด้วยตนเอง

ปกติแล้วหมอจะเดินทางไปบรรยายตามคำเชิญของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเกาหลีทุกปี ประชุมเสร็จก็กลับ จะมีเวลาเที่ยวเฉพาะในกรุงโซล ก็เฉพาะระหว่างการประชุม และวันที่จะเดินทางไปและกลับ จึงเที่ยวได้แค่ภายในโซล ทำอย่างนี้มาเกือบสิบปีแล้ว ปีนี้จึงวางแผนว่า จะต้องหาเวลาหลังการประชุม ไปเที่ยวนอกกรุงโซล สักสองสามวัน หลังจากได้เพื่อนที่เป็นอจ. แพทย์ที่ไปประชุมด้วยกันได้แล้วก็วางแผนแค่วันเดินทางไปและกลับจากโซลเท่านั้น ตกลงกันแค่ว่าจะไปเที่ยวเกาะเจจูเท่านั้น ข้อมูลต่าง ๆ ดูแค่คร่าวๆ คิดว่าจะไปวางแผนการเดินทางระหว่างการประชุม เนื่องจากไม่มีเวลาทั้งสองคน ช่วงอยู่โซลกลับมีเวลาน้อยมากเพราะการประชุมค่อนข้างยุ่งถูกพาไปเลี้ยงบ่อยหลายกลุ่ม มีเวลาก่อนนอน ก็หาข้อมูลการท่องเที่ยวจากพันทิพย์ เรื่องคนที่ขับรถเที่ยวเองได้ ข้อมูลไม่มาก พูดถึงปัญหาการขับรถว่า การใช้ GPS จะเป็นปัญหา เพราะเป็นภาษาเกาหลี จึงมักใช้การพิมพ์เบอร์โทรศัพท์สถานที่ที่จะไป ซึ่งต้องเตรียมหาไว้ก่อน แต่ทราบจากเพื่อนเกาหลีว่าไม่ค่อยแน่นอนเพราะมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย

บางคนให้ข้อมูลว่า GPS ติดรถที่มีภาษาอังกฤษก็มี แต่ไม่เสมอไปให้สอบถามจากรถเช่าและต้องเสียเงินเพิ่ม ส่วน google map ที่เป็นขวัญใจนักเดินทางบ้านเราก็ใช้ไม่ได้บนเกาะเจจู จึงได้เตรียมการdownload Kakao map ที่เป็นของเกาหลีไว้ก่อน โดยเพื่อนเกาหลีก็ไม่รู้ ว่าใช้ได้ไม่ดี เพราะเขาใช้ GPS เกาหลีตลอด เมื่อได้ข้อมูลที่ท่องเที่ยวพอควร ก็เริ่มวางแผนการเดินทาง โดยการจองตั๋วเครื่องบินซึ่งทราบว่ามีอยู่มากมายให้เลือกและบินกันทั้งวันแทบจะทุก10-20 นาทีได้เลือกJeju airline ที่เป็น low cost เพราะบินแค่ 1 ชม ค่าโดยสารไปกลับถูกมากเริ่มตั้งแต่ 1000 + บาทไปกลับ แต่ราคาจะต่างกันขึ้นกับเวลา ถ้าเป็นช่วงเช้าจากโซลจะแพงกว่าช่วงบ่าย เพราะคนเดินทางไปทำงาน ส่วนขากลับจากเจจู ช่วงเย็นจะแพงกว่า สลับกัน เนื่องจากเราต้องการไปช่วงเช้าเพื่อได้เที่ยวมาก หน่อยราคาจึงแพงขึ้นมาบ้าง ราคาไปกลับต่อคน คนละ 2897 บาทถือว่าอยู่ในช่วงราคาที่แพง

ปัญหาการจองตั๋วใน Korea ทาง net ที่ไม่คิดว่าจะเกิดคือความยุ่งยากในการใช้บัตร online ที่แม้ว่าจะเคยใช้ต่างป.ท.เป็นประจำ แต่web ของ JEJU จะค่อนข้างวุ่นวาย โดยมีการถาม security question เสมือนว่าบัตรไม่เคย verify มาก่อน ซึ่งหมอและเพื่อน จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่เคยต้องใช้เนื่องจาก verify by visa ทำมานานแล้ว จึงต้องเข้าไปในwebของธนาคารเราเอง ขอเปลี่ยนข้อมูล เพื่อกรอก security question ใหม่ ทำเป็นว่า verfyใหม่ จึงสามารถผ่านการจองได้ แต่เรื่อง SMS ส่งเข้ามือถือ ยังต้องทำเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ได้ roaming มาก็ต้องมีการเตรียมการไว้.

การเช่ารถ ได้พยายามเช่ารถล่วงหน้าผ่าน internet ที่เคยใช้ประจำหลายแห่งเช่น rentalcars.com Airport rental etc พบว่าไม่มีรถช่วงกลางวันเลย ทุแห่วงจะมีรถ ตั้งแต่ ทุ่มเป็นต้นไป จึงตัดสินใจไปหารถเช่าlocal ที่ airport โดยตรงถ้าไม่ได้ คิดว่าจะใช้Taxi ไปก่อน เรื่องการใช้รถเมล์ตามที่มีคนเคยใช้

คิดว่าไม่เหมาะสมเพราะเสียเวลามากเกินไป

ก่อนการเดินทางเที่ยวเกาะเจจู ควรรู้เรื่องแหล่งท่องเที่ยวและแผนที่เกาะเจจู อย่างคร่าวๆ ก่อน


เมืองหลวงคือ Jeju city ที่เป็นที่ตั้งสนามบินและเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง จะตั้งอยู่ตอนเหนือของเกาะ จุดท่องเที่ยวเรียงรายรอบเกาะ เมืองท่องเที่ยวสำคัญคือ Seogwipo ทีเป็นเมืองชายทะเลอยู่ตอนใต้ของเกาะ ส่วนบริเวณกลางเกาะเป็นภูเขาที่เป็นที่ตั้งของ Mount Hallasan และ Hallasan national park ที่คนที่ชอบ trekking จะไปเที่ยวกัน แต่การเดินทางไปชมจุดท่องเที่ยวนี้ต้องใช้เวลาเดิน 4-5 ชม กว่าจะถึงจุดชมวิวที่ต้องการ trip นี้จึงตัดตอนกลางออกไป โดยเริ่มท่องเที่ยวสำหรับ two days tripคือวันแรกเที่ยวตอนเหนือหนึ่งจุด แล้วลงไปพักที่Seogwipo วันที่สองเที่ยวSeogwipo จบแล้ว เดินทางกลับโดยใช้ Highway 1132 ก่อนกลับมาพักที่Jeju city เพื่อคืนรถ และขึ้นเครื่องกลับวันรุ่งขึ้น

Day 1 JEJU Air จาก Gimpo airport ถึง Jeju airport ประมาณ 11น.

ไปที่เคาน์เตอร์รถเช่าพบว่ายังมีรถจาก local car rent ประจำ airport ว่างอยู่

จึงเช่ารถขนาดเล็ก Hyundai ได้ราคาถูกมาก วันละ1048 บาทรวม insurance หลังจากจ่ายเงิน จะต้องนั่งรถshuttle bus ที่วิ่งเวียนระหว่างairport กับศูนย์รถเช่าที่อยู่รวมกันด้านนอกใกล้airport. หลังได้รถพบปัญหาGPS ภาษาเกาหลี ที่ยากแก่การใช้งาน จึงให้เจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ช่วยบันทึก จุดที่เราจะเดินทางไปไว้ก่อน รวมถึงที่สำคัญคือจุดที่จะคืนรถ จากนั้นเริ่มออกเดินทางไปยังเป้าหมายแรกคือ Manjanggul Lava tube ที่เป็นโพรงถ้ำใต้ภูเขาที่เกิดจากการไหลของ Lava ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่เปิดให้เดินเข้าชมได้ 1กม.ใช้เวลาเดินทางทางรถยนต์ประมาณ 1 ชม. เศษ โดยแวะทานอาหารกลางวันในร้านข้างทางระหว่างการเดินทาง การเข้าเที่ยวlava tube ต้องซื้อบัตรเข้าขมถ้าจำไม่ผิด 1000 Korean won เท่ากันทุกแห่ง มีทางเดินเท้าเข้าชมค่อนข้างสะดวก ภายในถ้ำจะมีแสงไฟให้ชม หินจากlava รูปร่างต่างๆกัน ที่มีชื่อเสียงชอบถ่ายรูปกันคือหินรูปเต่า รูปเท้าช้าง และสุดปลายถ้ำที่ให้เข้าชมจะเป็นหินสัญลักษณ์ของถ้ำนี้คือ Lava column


หลังออกจาก Lava tube เริ่มเย็นแล้วจึงขับรถลงใต้ เข้า ที่พักที่จองไว้กับ booking.com ที่sangwipo ซึ่ง locationในbooking.com จะlink กับ google map ที่จะแสดงแค่ทิศทางรวมจากจุดตั้งต้นถึงที่หมาย เท่านั้น ไม่มี road guidance เป็นระยะเหมือน ปกติเบอร์โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ จึงตั้ง GPS ไปที่ Seนgwipo city center ก่อน แล้วใช้ kakao map หาโรงแรมภายหลัง ระหว่างทางพบว่า Kakao map ไม่ดี จึง Download Naver map มาลองใช้ดูพบว่าใช้ได้ดีมากไม่แพ้ google map เลย การเดินทางหลังจากนี้ไปจึงสบายมากใช้ Naver mapตลอด เข้าพักที่ Jeju Bada Wi olle Pension ราคา 53100 Kw /ห้อง/คืน ห้องbasic มีครัวครบ balcony เห็นทะเล สภาพตรงกับ review ได้ข้อมูลการท่องเที่ยวที่ชัดเจนทั้งหมดจากowner ที่ดีมาก แนะนำ Dinner Korean BBQ ในภัตตาคารใกล้ๆ ไม่แพงรสชาติเยี่ยม

Day 2 ขับรถเที่ยวน้ำตกและชายทะเล จุดแรกไปทาง west ตาม highway 1132 ที่เป็นถนนหลักผ่านแหล่งท่องเที่ยวของSeogwipo จุดแรก ที่ชมคือ Jusangjeollidae cliff เป็นทางเดินริมฝั่งทะเล ทำทางเดินไว้ดีเพื่อชม หน้าผาชายฝั่งที่เกิดจากLava ที่ไหลลงสู่ ทะเลแล้วform เป็นแท่งหินสูงเหมือนแท่งคอนกรีตสูงๆที่ฝังลงในทะเล ส่วนมากจะเป็น รุป6 เหลี่ยม เขาอธิบายว่ารูปทรงหกเหลี่ยมจะมีพื้นที่ผิวน้อยสุด เมื่อเกิดการบีบอัดระหว่างการแข็งตัวของLava ดู แล้วเป็นปรากฎการณ์เดียวกับที่เห็นที่เมืองVik ใน Iceland ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนชอบไปถ่ายรูป บริเวณใกล้ๆมีแหล่งท่องเที่ยวที่เอกชนสร้างให้นักท่องเที่ยวไปเสียเงินเหมือนพัทยาบ้านเราเช่น Teddy bear museum ,Chocolate museum ซึ่งเราไม่สนใจจึงขับต่อไปทางwest ไป ชมแถว Yeongmeori coast ที่มี Mt.Sanbangsan และวัดชื่อเดียวกัน จะเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทองบนยอดเขาริมถนนเป็นวัดที่มีคนขึ้นไปสักการะ หรือtrekking ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นทางลงเดินไปที่ชายฝั่ง เพื่อดูหินสูงตามหน้าผา คิดว่าเป็นแบบเดียวกับที่ดูมาแล้ว และใช้เวลามาก แค่เดินชมบริเวณวัดชั้นล่าง และถ่ายรูปวิวจากเขาน่าจะเพียงพอ


จากนั้นขับย้อนกลับมาทางเดิมมุ่งหน้า east ใช้ high way 1132 เช่นเดิม แวะชมน้ำตกดังสองแห่งของเมือง คือ Cheonjiyeon water fall และ Jeongbang waterfall ที่ดูแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจมาก โดยเฉพาะ Cheonjiyeon water fall เพราะไม่คุ้มค่าเสียเงินเข้าชมแม้จะแค่1-2 พันวอน ก็ตาม แต่เสียเวลาเหมือนเดินชมน้ำตกขนาดกลางบ้านเรา แต่ ยังมีจุดน่าชมใกล้น้ำตกนี้ที่อยูก่อนถึงน้ำตกนี้ประมาณ300 เมตร คือ saeseon bridge ที่เป็นสะพานที่คนเดิน ขนาดใหญ่ที่สวยงามทำเป็นรูปเรือแพสมัยโบราณมีสร้างข้ามไปที่เกาะเล็กๆชื่อ saeseon isletเป็นที่คนนิยมมาชมวิว ตอนกลางคืน เพราะสามารถมองย้อนกลับมาชมวิวตัวเมือง Seogwipo ได้ดี บริเวณนี้มีที่จอดรถกว้างขวางเพราะเป็นท่าเรือมีเรือท่องเที่ยวมาจอดขึ้นลงมากมาย สำหรับ Jeongbang waterfall อาจน่าสนใจกว่าเพราะเป็นน้ำตกเดียวที่ตกลงมาใกล้ทะเล จะได้เห็นวิวหน้าผาพร้อมน้ำตก และทะเล ที่ไม่มีในบ้านเรา


ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ครึ่งวันเช้าโดยออกจากโรงแรม 8:00 น. จากนั้นขับรถต่อไปทาง east ตาม highway1132 ที่เป็น highway เดียวที่วิ่งรอบเกาะเป็นวงกลม จะไปชม Seongsan Ichulbong peak ระหว่างทางจะแวะทานอาหารกลางวันจึงแวะไปที่ Jeju Folk village ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเอกชน ที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ของคนบนเกาะในสมัยโบราณ ให้นักท่องเที่ยวชม มีการแสดงการเดินงานรื่นเริง และ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวฝึกทำขนมโบราณ เสร็จแล้วให้ทานฟรี (แป้งและน้ำตาลล้วนๆ !!!) มี folk market ขายอาหารและร้านอาหารพื้นเมืองเกาหลี ที่เหมือนกับร้านข้างนอกที่ทานริมทางช่วงวันแรก ราคาไม่ต่างกันมาก จึงทานอาหารกลางวันก่อนกลับ ความจริงร้านอาหารตามทางก่อนเข้ามามีมากมายน่าสนใจกว่าด้วย ค่าผ่านประตูจะแพงกว่าอื่น เพราะเป็นเอกชน 12,000 wan/adult


ขับรถต่อไปตาม1132 ไปถึง Seongsan Ichulbong peak ตอนบ่าย พอดีนักท่องเที่ยวยังมากอยู่ทั้งที่จุดนี้เป็นจุดที่คนชอบมาดู พระอาทิตย์ขึ้น เพราะเป็นจุดที่เป็นแหลม (peak) ยื่นไปทางต.. สุดของเกาะ เดินขึ้นเขาแม้จะดูสูงแต่ก็ขึ้นได้ไม่ลำบากทางเดินดีมากตอนบนสุดเป็นปากปล่องภูเขาไฟที่กว้างมาก ถ่ายรูปจากข้างบนเห็นเป็นแอ่งกระทะได้แต่จะชัดเจนต้องถ่ายจากมุมสูงกว่า เช่นใช้ drone


ลงจากเขาเริ่มใกล้ค่ำ จึงเลือกทางhighway 1132 ไม่ตามGPS เพราะขับง่ายแม้จะอ้อมกว่าเล็กน้อย เข้าพักโรงแรมที่จองผ่านAgoda ชื่อ Ramada jeju city hall hotel อยู่กลางเมืองแต่ไม่ใกล้ night market ทานมื้อเย็นเป็นหมูดำ ที่เป็นอาหารดังของเกาะ ได้ร้านอาหารดีคนทานแถวนั้นนิยม กันมาก เดินจากโรงแรมไปได้ รุ่งเช้านำรถไปคืนก่อนนั่งเครื่องกลับโซล พบว่าน้ำมันที่เติมเต็มถังตั้งแต่เริ่มรับรถ ยังมีเหลือเกินกว่าตอนรับมา เรียกว่าเติมครั้งเดียวเที่ยวได้สองวันเต็ม


สรุป ข้อมูลที่อาจประโยชน์ต่อคนที่สนใจ

  1. ถ้าเช่ารถผ่าน online แล้ว ไม่ได้เวลารับรถที่เหมาะสม แนะนำมาหาที่สนามบิน เพราะยังมีlocal car rent ที่มี มาตรฐานภายในสนามบินมากมาย ยกเว้นเดินทางถึงตอนเย็นหรือค่ำๆ เพราะ ส่วนมากจะได้รถตอนค่ำ แต่การเริ่มขับรถครั้งแรกตอนกลางคืนอาจไม่สะดวก

  2. App ขับรถใน JeJu ที่ดีมากคือ Naver หา load ได้จาก google play เพราะ google map ใช้ไม่ได้ดี App store ก็น่าจะมี

220 views0 comments
bottom of page